แบบทดสอบก่อนเรียนบทที่ 7
1. การต่อ Printer ไปในเน็ตเวิร์ก
จะต้องระวังเรื่องความยาวของสายทั้งหมดจะต้องยาวไม่เกินกี่เมตร
ก. 1.85 เมตร
ข. 18.5 เมตร
ค. 185 เมตร
ง. 1,850
เมตร
2. การเดินสายระหว่าง Node
กับ Hub ควรมีระยะทางสั้นที่สุดและไม่เกิดกี่เมตร
ก. 1 เมตร
ข. 10 เมตร
ค. 100
เมตร
ง. 1,000
เมตร
3. การแลกเปลี่ยนรูปแบบการเชื่อมต่อจากแบบ BUS
มาเป็นแบบ Star เราใช้สายชนิดใด
ก. Coaxial
ข. 10
Base-T
ค. Power
Line
ง. Fiberoptic
4. หากต้องการเพิ่ม Printer ไปในเน็ตเวิร์ก
สามารถนำ Printer
ที่มี Internal Print
Server Card เป็นแบบใด
ก. Coaxial Interface
ข. Coaxial
Internet
ค. Card
Interface
ง. Card
Internet
5. การติดตั้ง Repeater เช่นเพิ่ม
Repeater & Port เข้าไปในเน็ตเวิร์ก
ซึ่งทำให้เราสามารถขยายเซกเมนต์ของเน็ตเวิร์กได้ถึงกี่เซกเมนต์
ก. 2 เซกเมนต์
ข. 4 เซกเมนต์
ค. 8 เซกเมนต์
ง. 16 เซกเมนต์
6. ในเน็ตเวิร์กจะใช้สายเคเบิ้ลชนิดโคแอกเซียลชนิดกี่โอห์ม
ก. 1 โอห์ม
ข. 10 โอห์ม
ค. 50 โอห์ม
ง. 500
โอห์ม
7.เน็ตเวิร์กเพียงหนึ่งเซกเมนต์ เชื่อมต่อระหว่างเครื่องอะไรกับ Server
ก. CPU
ข. Client
ค. Moniter
ง. Modem
8. เมื่อเน็ตเวิร์กมีการขยายใหญ่ขึ้น
มีจำนวนเซกเมนต์มาเชื่อมต่อจากเน็ตเวิร์กมากขึ้น ควรมีการนำอุปกรณ์ใดมาใช้เพื่อแยก Server
ออกเป็นเซกเมนต์อิสระ
ก. Repare
ข. Requirement
ค. Power
Line
ง. Fiberoptic
9. การเดินสายนำสัญญาณ ไม่ควรเดินคู่กับสายใด
ก. Power Line
ข. Fiberoptic
ค. Coaxial
ง. 10
Base-T
10. จากข้อ 8
เนื่องจากสาเหตุใด
ก. เพราะสายอาจจะร้อน
ข. เพราะสายอาจเกิดการเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าได้
ค. เพราะเป็นอันตรายต่อเครื่แงคอมพิวเตอร์
ง. เพราะอาจมีสัญญาณรบกวนจากสายไฟได้
เฉลย
ค
ค
ข
ก
ค
ค
ข
ง
ก
ง
บทที่ 7
การออกแบบเน็ตเวิร์ก
Network Design
6.1 แบบจำลองอิเทอร์เน็ตเบื่องต้น (Basic Ethernet Mode)
6.2 การเพิ่มเครื่องพิมพ์แม่ข่าย (Addition of PrintServer)
6.3 การขยายเน็ตเวิร์ก (An Addition To The Network)
6.4 การเชื่อมต่อหลายเซ็กเมนต์ (Joining Multiple Segrunts)
6.5 แบบจำลองเน็คเวิร์กภายในชั้นเดียวกัน (Single-Floor Network
Mode)
6.6 แบบจำลองเน็ตเวิร์กหลายชั้น (Network Management)
6.1 แบบจำลองอีเทอร์เน็ตเบื้องต้น (Basic Ethernet Model)
เหมาะสำหรับใช้งานในห้องทำงานขนาดเล็ก (Small Office) ซึ่งเน็ตเวิร์กเพียงหนึ่งเซ็กเมนต์เชื่อมต่อระหว่างเครื่อง Client และ Server ดังรูปแสดงเน็ตเวิร์ก 1 เซ็กเมนต์
ในเน็ตเวิร์กนี้จะใช้สายเคเบิ้ลชนิดโคแอกเซียล
ชนิด 50 โอห์ม เป็นสายเคเบิ้ลหลักและมี Connector ชนิด BNC เชื่อมต่อระหว่างสายเบิ้ลหลักกับแต่ละ Node นอกจากนี้ยังต้องมี
Terminators 2 ตัวโดยตัวแรก
ติดตั้งอยู่บน BNC ของ Node ซ้ายสุด ส่วนตัวที่
2 จะอยู่บน BNC ของเครื่อง Server
6.2 การเพิ่มเครื่องพิมพ์แม่ข่าย (Addition of a Print Server)
หากต้องการเพิ่ม Printer ไปในเน็ตเวิร์ก ก็สามารถทำได้โดยนำ Printer
ที่มี Internal Print Server Card เป็นแบบ Coaxial
Interface มาต่อเพิ่มเติมดังรูปแต่จะต้องระวังเรื่องความยาวของสายทั้งหมดจะต้องไม่เกิน
185 เมตร และต้องย้าย Terminal ที่อยู่บน BNC ของ Node ซ้ายสุด มาอยู่บน BNC ที่ต่ออยู่กับ Printer
แสดงเน็ตเวิร์ก 1 เซ็กเมนต์ที่เพิ่ม Print Server
6.3 การขยายเน็ตเวิร์ก (An Addition To The Network)
จากเน็ตเวิร์กในรูป 6.1 และ 6.2 หากต้องการขยายเน็ตเวิร์ก
ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากการเป็นห้องทำงาน เราก็สามารถขยายขนาดของเน็ตเวิร์กได้
โดยมีสิ่งที่สำคัญในการพิจารณา คือ เรื่องความยาวของสายเคเบิ้ล ที่จะต้องไม่เกิน
185 เมตร มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังนี้
วิธีที่ 1 เพิ่ม Network Interface Coed บนเครื่อง Server แล้วเชื่อมต่อมายังเครื่อง Client ในห้องใหม่ ดังรูป
ซึ่งจะเป็นการแบ่งแยกเซ็กเมนต์กันกับในห้องแรก
การขยายเน็ตเวิร์ก
วิธีที่ 2 ติดตังอุปกรณ์ Repeater เช่นเพิ่ม Repeater
& port เข้าไปใน Network ดังรูปซึ่งทำให้เราสามารถขยายเซ็กเมนต์ของเน็ตเวิร์กได้ถึง 8 เซ็กเมนต์
การขยายเน็ตเวิร์กโดยใช้ Repeater
6.4 การเชื่อมต่อหลายเซ็กเมนต์ (Joining Multiple
Segrunts)
เมื่อเน็ตเวิร์กมีการขายใหญ่ขึ้นมีจำนวนเซ็กเมนต์มาเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์กมากขึ้น
ควรจะมีการนำอุปกรณ์ Repeators เข้ามาใช้ในเน็ตเวิร์กดังตัวอย่างในรูปและควรจะมีการแยก
Server ออกเป็นเซ็กเมนต์อิสระทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่เซ็กเมนต์ที่มี Server ได้
เช่นกัน
การเชื่อมต่อหลายเซ็กเมนต์โดยใช้ Repeater
จากเน็ตเวิร์กในรูปที่ 1 ถึง 5
เป็นการใช้สายโคแอกเชียลเป็นสายเคเบิ้บหลักโดย โทโพโลยีการเชื่อมต่อแบบ Bus ซึ่งมีข้อจำกัดหลายด้าน
โดยเฉพาะถ้าเกิดปัญหาขั้นที่ Node แรกของเซ็กเมนต์ก็จะทำให้เครื่อง
Client ทั้งหมดในเซ็กเมนต์นั้นไม่สามรถเชื่อมต่อกับ Serverได้ซึ่งวิธีการในแก้ปัญหานี้ทำได้โดยการเปลี่ยนรูปแบบการเชื่อมต่อจากแบบ Bus
มาเป็นแบบ Star และใช้สายเคเบิ้ลชนิด 10
Base T กับอุปกรณ์ Hub มาเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กดังรูปa
เปลี่ยนรูปแบบการเชื่อมต่อจากแบบ Bus มาเป็นแบบ Star
6.5 แบบจำลองเน็ตเวิร์กภายในชั้นเดี่ยวกัน (Single-Floor Network
Model)
จากรูปดังต่อไปนี้ แสดงการออกแบบเน็ตเวิร์ก
ภายในชั้นเดี่ยวซึ่งใช้โทโพโลยีแบบ Star และสาย เคเบิ้ลชนิด 10
BaseT ซึ่งในการออกแบบมีสิ่งที่ต้องพิจารณา เช่น
1. การว่างตำแหน่งของอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก,สาย
จะต้องไม่กีดขวางทางเดินหรือทางเข้าออก
2. การเดินสายระหว่าง Node กับ Hub ควรมีระยะทางสั้นที่สุดและไม่เกิน
100 เมตร
3.การเดินสาย(Wiring)ไม่ควรเดินควบคู่ไปกับสายไฟ(PowerLine)เพราะอาจมีสัญญาณรบกวนจากสายไปได้
แสดงการออกแบบเน็ตเวิร์ก ภายในชั้นเดี่ยว
6.6 แบบจำลองเน็ตเวิร์กหลายชั้น (Multiple Floor Network Model)
แสดงตัวอย่างการออกแบบ เน็ตเวิร์กในอาคารหลายๆ ชั้น
หากอาคารมีขนาดใหญ่หลายๆชั้นการออกแบบเน็ตเวิร์กจะต้องพิจารณาให้รอบคอบขึ้นจากรูปแสดงตัวอย่างการออกแบบ
เน็ตเวิร์กในอาคารหลายๆ ชั้น โดยสิ่งที่ต้องพิจารณา ดังนี้ อุปกรณ์ที่จะต้องใช้หากอาคารมีหลายชั้นและมีจำนวน
Node มีเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์กมากนั้นแสดงถึงปริมาณการจราจรของข้อมูล
(Traffic) ในเน็ตเวิร์กมกขึ้นด้วยอาจทำให้เกิดปัญหาการดับดังของข้อมูลและการชนกันของข้อมูลมากขึ้นจากรูป
ได้มีการนำสาย Fiber Optic และอุปกรณ์ Switching Hub มาเป็น Backbone ในการเชื่อมเน็ตเวิร์กแต่ละชั้นนอกจากนี้อาจจะต้องใช้อุปกรณ์ที่เป็น
Fast Ethernet (100 BASET) เทคโนโนยี
หรือ Fat Pier เทคโนโลยีมาช่วยเข้าปัญหาคอขวด (Bottle
Necks) มีเกิดขึ้นเนื่องจากความเร็วที่แตกต่างกันระหว่าง Back
Bone กับแต่ละ เซ็กเมนต์สิ่งที่ต้องพิจารณาในการออกแบบ
1. การเดินสายที่สั้นที่สุด (Wiring Closets) เช่นเดียวกันการออกแบบเน็ตเวิร์กภายใน
ชั้นเดียว การวางจุดอุปกรณ์และ Node ต่างๆ
ในเน็ตเวิร์กจะต้องทำให้การเดินสายสามารถได้ในระยะทางที่สั้นที่สุด
2. การวางอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก (Next Equipment Location) ซึ่งการว่างตำแหน่งของอุปกรณ์เน็ตเวิร์กไม่ว่างเป็น
Switching Hub หรืออุปกรณ์อื่นๆ มีหล โดยตรงต่อการเดินสาย
นอกจากนี้การวางตำแห่นงของ Server ที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหา
คอขวด ที่จะเกิดขึ้นในเน็ตเวิร์กได้
3. การเดินสายไป (Power Line) ไม่ควรเดินสายไฟในแนวเดียวกันกับสายข้อมูลโดยเฉพาะสายประเภท
UTP หรือ Coaxial เพราะจะทำให้เกิดสัญญาณรบกวนได้
นอกจากนี่ควรจะมีระบบสำรวจไฟ (UTP) เมื่อป้องกับการเกิดปัญหาไฟกระชาก
(Electric Shock) หรือไฟดับอย่างกระทันหันซึ่งสามารถสร้างความเสียหาย
ให้เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ เน็ตเวิร์ก ได้
แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7
1.เน็ตเวิร์กเพียงหนึ่งเซกเมนต์ เชื่อมต่อระหว่างเครื่องอะไรกับ Server
ก. CPU ข. Client ค. Moniter ง. Modem
2. ในเน็ตเวิร์กจะใช้สายเคเบิ้ลชนิดโคแอกเซียลชนิดกี่โอห์ม
ก. 1 โอห์ม ข. 10 โอห์ม ค. 50 โอห์ม ง. 500 โอห์ม
3. หากต้องการเพิ่ม Printer ไปในเน็ตเวิร์ก
สามารถนำ Printer
ที่มี Internal Print
Server Card เป็นแบบใด
ก. Coaxial Interface ข. Coaxial Internet ค. Card Interface ง. Card Internet
4. การต่อ Printer ไปในเน็ตเวิร์ก
จะต้องระวังเรื่องความยาวของสายทั้งหมดจะต้องยาวไม่เกินกี่เมตร
ก. 1.85 เมตร ข. 18.5 เมตร ค. 185 เมตร ง. 1,850 เมตร
5. เมื่อเน็ตเวิร์กมีการขยายใหญ่ขึ้น
มีจำนวนเซกเมนต์มาเชื่อมต่อจากเน็ตเวิร์กมากขึ้น ควรมีการนำอุปกรณ์ใดมาใช้เพื่อแยก Server
ออกเป็นเซกเมนต์อิสระ
ก. Repare ข. Requirement ค. Power Line ง. Fiberoptic
6. การแลกเปลี่ยนรูปแบบการเชื่อมต่อจากแบบ BUS
มาเป็นแบบ Star เราใช้สายชนิดใด
ก. Coaxial ข. 10 Base-T ค. Power Line ง. Fiberoptic
7. การเดินสายระหว่าง Node
กับ Hub ควรมีระยะทางสั้นที่สุดและไม่เกิดกี่เมตร
ก. 1 เมตร ข. 10 เมตร ค. 100 เมตร ง. 1,000 เมตร
8. การเดินสายนำสัญญาณ ไม่ควรเดินคู่กับสายใด
ก. Power Line ข. Fiberoptic ค. Coaxial ง. 10 Base-T
9. จากข้อ 8
เนื่องจากสาเหตุใด
ก. เพราะสายอาจจะร้อน ข. เพราะสายอาจเกิดการเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าได้ ค. เพราะเป็นอันตรายต่อเครื่แงคอมพิวเตอร์ ง. เพราะอาจมีสัญญาณรบกวนจากสายไฟได้
10. การติดตั้ง Repeater เช่นเพิ่ม
Repeater & Port เข้าไปในเน็ตเวิร์ก
ซึ่งทำให้เราสามารถขยายเซกเมนต์ของเน็ตเวิร์กได้ถึงกี่เซกเมนต์
ก. 2 เซกเมนต์ ข. 4 เซกเมนต์ ค. 8 เซกเมนต์ ง. 16 เซกเมนต์
เฉลย
ข
ค
ก
ค
ง
ข
ค
ก
ง
ค
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น